ประโยชน์จากการ Sync ข้อมูลบนเทคโนโลยี Cloud

Sync ย่อมาจาก Synchronize หรือถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านให้เข้าใจได้ง่ายก็คือ การทำให้ข้อมูลตรงกันระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ นั่นเองครับ ใครสมัยแรกๆถ้าใครเคยใช้ Microsoft Exchange หรือ ActiveSync ที่ทำให้ข้อมูลที่อยู่ใน PC (Microsoft Outlook) ตรงกับข้อมูลที่อยู่ใน PDA ไม่ว่าจะเป็น อีเมลล์ ปฏิทิน สมุดโทรศัพท์ โน๊ต ฯลฯ น่าจะพอเข้าใจเรื่องนี้ครับ หลักการคล้ายๆกันครับ

การ Sync ทำได้ทั้งการเชื่อมต่อผ่านสายหรือเชื่อมต่อผ่านเคือข่ายไร้สาย (WLAN) ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Wi-Fi / GRPS / Edge หรือ 3G ที่สามารถ access เข้าถึงอินเทอร์เน็ทได้ (Wi-Fi นั้นไม่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตก็สามารถทำให้อุปกรณ์เชื่อมต่อกันได้ คล้ายๆการเชื่อมต่อผ่าน IR หรือ Bluetooth หรือผ่าน Access point เพื่อเชื่อมเข้าสู้อินเทอร์เน็ตก็ได้เช่นกัน) โดยทำให้อุปกรณ์ตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปสามารถ Sync กันได้ครับ

แต่ในยุคนี้สมัยนี้เราจะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆนั้นมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันมากครับ ทั้งความเร็ว ทั้งโปรแกรมที่รันบนแพล็ทฟอร์ม การแสดงผล ฯลฯ ช่องแคบระหว่างอุปกรณ์ต่างๆนั้นมีน้อยเต็มทีจนสามารถทำงานแทนกันได้ในอุปกรณ์เดียว ถ้าจะให้เห็นภาพกพกันง่ายๆก็คงจะเป็นเรื่องโทรศัพท์มือถือครับ สมัยก่อนแค่โทรศัพท์ได้อย่างเดียว แต่ตอนนี้ โทรศัพท์ ข้อความภาพ ฟังเพลง วิทยุ ถ่ายภาพ อัดวีดีโอ เช็คอีเมลล์ เช็ท เล่นเกมส์ ฯลฯ ผมเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าเปิดคอมพิวเตอร์น้อยลง เพราะ Smart Phone ของผมสามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างโดยที่ไม่ต้องพึ่งคอมฯแล้ว เพียงแต่ปัจจัยหลายๆอย่างของอุปกรณ์ยังไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานแทนคอมพิวเตอร์ได้เท่านั้นเอง

ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนแห่งหนใด เราก็สามารถเข้าถึงข่าวสารได้โดยปราศจากเรื่องข้อจำกัดของสถานที่และเวลา อย่างที่เราควรจะรู้กันในประโยคนี้ครับ Any where Any time Any devices ซึ่งเป็นเทคโนโนยีพวก Cloud Computing Technology ที่สำคัญเลยก็คือ การ BackUp ข้อมูลของเราไปในตัว ในกรณีที่อุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่งของเราเกิดอาการเดี้ยงขึ้นมา เราก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายและรวดเร็วครับ! ซึ่งผมมีตัวอย่างโปรแกรมหรือ Application ที่ใช้หลักการแบบนี้มานำเสนอครับ

เขียนจั่วหัวซะยาว คราวนี้มาเข้าเรื่องของบทความนี้ครับ เรื่องของเรื่องคือผมไปเจอ iPhone App ที่ชื่อ Evernote มาครับ โดยโหลด App จาก App Store ปกติ ทีแรกก็ลองใช้จาก iPhone ปกติครับ โดยความสามารถของ App นี้คือมันเป็นเหมือนกระดาษโน็ตอิเล็กทรอนิกส์ ที่เราสามารถจดบันทึกเหมือนสมุดโน๊ตนั่นแหละครับ หน้าตาก็น่าใช้ ไม่รก ไม่เยอะ ดูใช้งานง่ายสบายตา

แต่ที่แตกต่างจากกระดาษโน๊ตหรือ Notes App คือมันสามารถใส่หลายสิ่งหลายอย่างลงไปในโน๊ตของเราได้ครับ
– ภาพถ่าย
– คลิปเสียง
– ตัวอักษร
– โลเคชั่น
– เว็บคลิป ฯลฯ
และยังสามารถใส่ Tags ให้กับโน๊ตต่างๆของเราได้ด้วย แต่ยังไม่รองรับการ Tags เป็นภาษาไทยครับ ส่วน Program บน Desktop ก็สามารถทำได้หลายๆอย่างเพิ่มขึ้นมาอีก เช่น ทำ Check-List

ตอนแรกผมก็เฉยๆ เพราะคิดว่าถ้ามือถือหาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่โน๊ตไว้คงหายหมด เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายครับ แต่ก็บันทึกนั่นนู่นนี่โน่นไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั้งพึ่งค้นพบว่าโปรแกรมนี้ไม่ได้มีอยู่บน iOS อย่างเดียว มีโปรแกรมให้ใช้ทั้ง Android, Android Tablet, Windows Phone7, Black Berry, Palm นอกจากนั้นแล้วที่เจ๋งขึ้นมาอีกคือ มีโปรแกรมที่สามารถทำงานได้บนคอมพิวเตอร์ทั้ง Windows และ MAC OS และที่เจ๋งเพิ่มขึ้นมาอีกคือ มี Web Application ด้วยครับ เพราะฉนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึงโน๊ตของคุณได้โดยผ่านเว็บบราวเซอร์ ไม่ว่าจะลืมโทรศัพท์ หรือไม่ได้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ผมกล่าวไปตอนต้นนั้นคือ Cloud Computing Technology ด้วยการ Sync ข้อมูลให้ตรงกับในทุกๆอุปกรณ์ เพราะฉนั้นการใช้ Appนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตด้วยครับ

ตัวอย่าง Screen Capture บน iPhone

* สิ่งที่คุณจะบันทึกเช่น ขวดไวน์ยี่ห้อโปรดซึ่งคุณจำชื่อมันไม่ได้, นามบัตรที่คุณต้องติดต่อบ่อยๆ, สถานที่สำคัญๆที่คุณจำทางไปไม่ได้, ข้อมูลการเดินทางบนตั๋วเครื่องบิน, ข้อมูลการเช็คอินที่โรงแรม, สิ่งของต่างๆที่คุณจะต้องซื้อภายหลัง, หมายเลขบัญชีธนาคาร, กระดาษโน๊ตที่คุณจดไว้แล้วต้องการทิ้งมัน! หรืออื่นๆที่คุณอยากบันทึกเพื่อเตือนความจำ
อ่อ คุณสามารถแชร์โน๊ตบางโน๊ตให้กับเพื่อนๆคุณทางสังคมออนไลน์หรือส่งเป็นอีเมลล์ก็ได้ด้วยนะครับ

แล้วคุณจะสนุกกับการบันทึกเหมือนผมครับ

ตัวอย่าง SCREEN CAPTURE บน WINDOWS

APPLICATION นี้เค้าได้รางวัลมาหลายรางวัลทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น APP HALL OF FAME จาก APPL, TOP 100 MUST-HAVE APPS จาก NEWS YORK TIMES, WINNER OF THE BEST MOBILE APP AWARD จาก TECHCRUNCH, MASHABLE และ THE WEBBYS

ปล.ไม่ควรบันทึกเรื่องที่สำคัญมากๆนะครับ เพราะความลับของคุณอาจถูกเข้าถึงโดยใครก็ตามที่เรียกว่าแฮ็กเกอร์ หรือผู้ที่สามารถเข้าถึง server could ได้ก็สามารถเรียกดูบันทึกได้เช่นกัน!

References
1. http://blogs.microsoft.co.il
2. http://www.evernote.com
3. http://www.facebook.com/evernote
4. http://www.youtube.com