“ในช่วงหน้าฝนทางชันบางเส้นทางจะลื่นมาก และต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ตลอดเส้นทาง บ้านลีซอ-ป้ายดอยห้วยทู่ก็จะได้สัมผัสกับทัศนียภาพที่หลากหลาย สายเดินป่าแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาดครับ ถ้าพร้อมแล้ว…. ตามผมมากันเล้ย”
กรุงเทพฯ- จ.ตาก คุ้มป๋าต๋อง
ผมเริ่มการเดินทางครั้งนี้โดยขับรถจากกรุงเทพ-ตาก ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงครับ โดยเราจะไปพักค้างคืนที่ “คุ้มป๋าต๋อง” ต.ทุ่งกระเชาะ อ.บ้านตาก กันก่อน 1 คืน เพื่อสแตนบายรอขึ้นดอยในช่วงเช้าของอีกวันนึง ที่นี่ก็เป็นเหมือนโฮมสเตย์ที่จะเป็นจุดรวมตัวของนักเดินป่า เค้าก็จะช่วยเราประสานงานกับชุมชน ติดต่อกับรถ 4W รวมถึงลูกหาบและคนนำทางให้

การไปเดินป่าตั้งแคมป์ที่ดอยห้วยทู่นั้น เราจำเป็นที่จะต้องติดต่อและแจ้งกับทางชุมชนก่อนครับ เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย ซึ่งที่คุ้มป๋าต๋องเค้าจะช่วยอำนวยความสะดวกช่วยประสานงานให้เราตรงนี้ด้วย ก็แบบที่เดียวสะดวกดี… ซึ่งค่าที่พักที่นี่เค้าคิดค่าใช้จ่าย 300 บาท/คนครับ (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสรุปไว้ให้ที่ด้านล่างครับ)



ค่าใช้จ่ายที่คุ้มป๋าต๋องก็จะรวมค่าใช้สถานที่ มีห้องน้ำ-ห้องอาบน้ำในตัว 10 กว่าห้อง จุดล้างอุปกรณ์ มีอาหารให้สำหรับ 3 มื้อ ก็จะมีมื้อเช้า, ห่อข้าวกลางวันระหว่างเดิน และ มื้อบุฟเฟ่ต์กลางวันอีกวันหลังจบทริป
มีส่วนกลางสำหรับนั่งรวมกินอาหารได้ แต่ที่นี่จะไม่มีที่นอนสบายๆเป็นเรื่องเป็นราวนะ แต่สำหรับคนเที่ยวสายนี้คงชิวๆไม่ลำบากแต่อย่างใด เสื้อผืนหมอนใบก็นอนกันได้แล้ว




เช้าวันใหม่ขึ้นรถกระบะ 4W – ไปหมู่บ้านลีซอ
ช่วงเช้ามืดของอีกวันพบว่ามีรถตู้หลายคันพานักเดินทางสายแคมป์ปิ้งมารอสแตนบายกันที่คุ้มป๋าต๋องเหมือนกันครับ.. (น่าจะมาถึงกันช่วงตี3-ตี4) เพื่อรอขึ้นรถกระบะไปจุดเดินทางกัน ซึ่งที่นี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของนักท่องเที่ยวที่จะไปดอยห้วยทู่ รวมถึงไปดอยหลวงตากด้วยครับ

จากคุ้มป๋าต๋องไป “หมู่บ้านลีซอ” จะใช้เวลาเดินทางบนหลังกระบะประมาณ 45-60 นาทีนะครับ ทางในช่วงแรกเป็นถนนเรียบขับขี่สบายๆ แต่หลังจากที่เลี้ยวเข้าหมู่บ้านหมู่ 8 บนถนนสาย 1175 แม่ระมาด-บ้านตาก กม. 66 จะต้องเดินทางอีก 8 กม. ซึ่งจากจุดนี้จะเป็นทางขึ้นเขา ถนนทางค่อนข้างชันและเป็นลูกรัง จึงจำเป็นต้องใช้รถ 4W ในการเดินทางครับ (รถเก๋งไม่สามารถขึ้นไปได้แน่นอนผมคอนเฟิร์ม)


จุดเตรียมตัว หมู่บ้านลีซอ
เราเดินทางถึงหมู่บ้านลีซอกันประมาณ 8.45 ครับ โดยจุดเริ่มต้นของการเตรียมตัวเดินจะอยู่ที่ลานศาลาธรรมไมตรีจิตห้วยทู่ (เป็นลานโบสถ์เหมือนจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน) ลูกหาบและคนนำทางในพื้นที่ก็จะมารอเราที่ตรงจุดนี้ครับ จะชั่งกิโลเพื่อคิดค่าหาบตรงนี้ (มีป้ายให้ถ่ายรูปที่จุดสตาร์ทคร้าบ)




ตรงนี้เราก็สามารถจัดเตรียมเรื่องข้าวห่อกลางวัน น้ำดื่ม ถุงกันทาก เสื้อกันฝน ไม้ค้ำเดินป่า สำหรับพร้อมเดินได้เลย ส่วนผมไม่ได้จ้างลูกหาบ ทำให้ผมต้องแบกน้ำหนักประมาณ 11 โลในช่วงขาขึ้นดอยครับ เมื่อกรุ๊ปเราพร้อมแล้วก็ออกเดินทางเท้ากันที่จุดนี้เลย… จะต้องเดินผ่านหมู่บ้านไปอีกเล็กน้อย

ระยะทางเดินขึ้นขึ้นดอย 6 กม.
จากจุดเริ่มต้นที่หมู่บ้านลีซอเราจะต้องเดินเท้ากันประมาณ 6 กิโลเมตรครับ จะใช้เวลาเดินประมาณ 5 ชั่วโมง 30 นาที แล้วแต่กำลังขาและช่วงเวลาพักด้วยนะ ตลอดทางเดินเราจะได้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของธรรมชาติที่แตกต่างกันตลอดทาง ทั้งไร่ข้าวโพด ทุ่งหญ้า ป่าดิบ ดงกล้วย ไหล่เขา สันเขา และขี้วัว !

8 ด่านมหาสนุกบนเส้นทางดอยห้วยทู่ !!

ด่านที่ 1 เนินข้าวโพดสูบพลัง
จากหมู่บ้านลีซอเราจะต้องผ่านเนินไร่ข้าวโพดกันครับ ! อุปสรรค์ของไร่ข้าวโพดในด่านแรกก็คือความลาดชันที่ต้องไต่ขึ้นไปพร้อมกับ “ความลื่นและเฉอะแฉะ” ของดินแดงที่มันโคตรจะติดรองเท้า !! ทำให้สูบพลังงานในด่านแรกไปพอสมควรครับ



แต่เมื่อเดินขึ้นมาถึงแล้วก็จะพบกับวิวทิวเขาโล่งๆ เป็นจุด Selfie ในด่านแรกที่เราจะต้องถ่ายรูปกับต้นไม้ 1 ต้นที่ยืนเด่นเป็นจุดสนใจของบริเวณนี้ แถมด้วยกระต็อบเล็กๆ ให้เราได้นั่งพักได้กันด้วย… จากจุดนี้ต้องเดินต่ออีกสัก 200 เมตรก็จะเข้าสู่ปากทางเข้าป่าแล้ว…

In the middle of giant fog #tubbdaily #theweekend
Posted by Phicha Pintharong on Friday, August 14, 2020
ด่านที่ 2 ดงตานีกับนางทาก
จากปากทางเข้าป่าเราก็จะรู้ทันทีว่าได้เดินเข้ามาในป่าแล้วครับ เพราะรอบๆก็จะเต็มไปด้วยป่าดงดิบ ช่วงที่ผมไปมีความชื้นสูงมากจากละอองหมอกที่อยู่รอบๆตัว ด่านนี้เราจะต้องไต่ขึ้นบนทางลาดชันเป็นระยะๆ บางจังหวะ 45-60 องศาครับ


ในด่านนี้ช่วงทางชันในจังหวะสุดท้ายก่อนขึ้นถึงด้านบนเราจะต้องผ่านดงกล้วย… ที่เค้าร่ำลือกันว่าเป็นดงที่มาทากเยอะมาก แต่เชื่อไหมว่าช่วงที่ผมผ่านดงกล้วยนี้… ไม่เจอทากสักตัว ! ทากหายไปหมดเลย แต่หลังจากที่ผ่านด่านนี้ขึ้นมาแล้วก็จะเป็นจุดพักแล้วครับ

จุดนี้ก็เป็นจุด Selfie กับต้นไม้สวยๆ อีก 1 จุดเพราะเราปีนเขาขึ้นมาถึงสันเขาเตี้ยๆกันแล้วครับ เดาว่าถ้าท้องฟ้าโปร่งตรงนี้ก็จะได้เห็นทิวเขาสวยๆด้วยนะ ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินไต่สันเขาและเดินลัดเลาะหน้าผาไปเรื่อยๆครับ




ด่านที่ 3 ริมผาท้าระห่ำ
เมื่อเราเดินขึ้นบนสันเขามาอีกประมาณ 2 ระดับ ก็จะผ่านด่านริมหน้าผาครับ ด่านตรงนี้หวาดเสียวแต่สวยจริงๆ เพราะทางเดินจะค่อนข้างแคบ และมีจังหวะที่ต้องปีนข้ามบันไดที่สร้างไว้คร่อมทางที่พังไปแล้วบ้าง ผ่านก้อนหินบ้าง ทำให้ตรงจุดนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรครับ



ด่านที่ 4 สันเขาเราและนาย
เมื่อหลุดจากริมผาท้าระห่ำมาแล้ว ก็จะเหมือนหลุดมาอีกบรรยากาศนึงเลยครับ ก็จะเป็นลานสันเขากว้างๆที่พื้นเป็นพื้นหญ้าที่มีขี้วัวเต็มไปหมด น้องเวที่เป็นไกด์นำทางของเราบอกว่า ชาวบ้านอีกฝั่งนึงจะนำวัวมาเลี้ยงบนภูเขาครับ… ซึ่งจากนี้ต่อไปเราก็จะเจอขี้วัวตามทางประปรายจนถึงแคมป์ครับ


ด่านที่ 5 ลานเซลฟี่มหาชน
ใช่แล้วคร้าบ ถ้าทุกคนเสิร์ชคำว่าห้วยทู่ ก็จะได้เห็นลานบินโล่งๆยาวๆ เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนวิวตรงนี้จะสวยตระการตามากครับ ทุกคนต้องเซลฟี่ แต่ แต่ แต่… แน่นอนว่าหน้าฝนแบบนี้สายหมอกไหลผ่านตัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลยครับ


แต่ก็อย่างที่เห็นนะครับ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นอะไรในระยะ 100 เมตร.. แต่ก็ได้สัมผัสถึงความสดชื่นและสายหมอกที่ไหลผ่านทุกโสตประสาท…. สดชื่นจริงๆ ตรงนี้ลมจะแรงมากครับ เพิ่มความยากลำบากที่ต้องเดินต้านกับกระแสลมเข้าไปอีก


ด่านที่ 6 ไต่แคมป์สุขสันต์ สู่จุดกางเต็นท์
ก่อนจะถึงเบสแคมป์ของเราจะต้องไต่เขาขึ้นมาอีกเนินนึง… ในใจก็คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงสักที เพราะเดินมาตั้งนานแล้ว มันยังไม่ถึงสักทีครับ หลังจากหลุดทางชันช่วงสุดท้ายขึ้นมาได้ ก็จะเจอกับ “จุดกางเต้นท์” เพราะมีต้นไม้พอปกคลุมเพื่อลดความแรงของลมได้ระดับนึงครับ


น้องไกด์ในพื้นที่ของเราจึงต้องช่วยกันเคลียร์พื้นที่กางเต็นท์ก่อน เพื่อให้น้ำไม่ขัง และก็ช่วยกางเต็นท์ให้เราด้วย (น่ารักมาก) สุดท้ายใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะกางเต็นท์เสร็จครับ ทำให้ผมใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเดิน และรอกางเต็นท์อีก 1 ชั่วโมงครับ … เวลา 15.00 ถึงได้นั่งอยู่ในเต็นท์ครับ

ความคิดแรกคือเป็นลานโล่งๆ พื้นหญ้าเขียวๆเหมือนลานกางเต็นท์ที่ผมคุ้นชิน แต่ที่นี่ต้องอาศัยต้นไม้เพื่อกันลม เราเลยไม่สามารถตั้งแคมป์โล่งๆได้เนื่องจากลมแรงและฝนตกครับ เลยทำให้การกางเต็นท์ค่อนข้างลำบากพอสมควรเนื่องจากฝนยังตกและน้ำขัง

“ใช่ครับ กางเกงและรองเท้าเต็มไปด้วยโคลนเลอะเทอมาก ต้องแก้ผ้าในเต็นท์เพื่อซักแห้งและทำตัวให้อุ่นครับ”

แต่เชื่อไหมว่าหลังจากเข้าเต็นท์ไปแล้ว (ออกมาอีกทีตอนปวดฉี่) แล้วก็ไม่ได้ออกมาจากเต็นท์อีกเลยเพราะฝนยังคงโปรยปราย ทำให้บรรยากาศช่วงหัวค่ำค่อนข้างกร่อยเพราะไม่สามารถออกไปไหนได้เลยครับ นั่งๆนอนๆอยู่ในเต็นท์… และต้มน้ำร้อนเพื่อกินมาม่าเป็นมื้อเย็นครับ
รกขนาดนี้ ที่นอนอยู่ตรงไหน #ตลอนตามตั๊บ #tubbdaily #k2adventure
Posted by Phicha Pintharong on Wednesday, August 19, 2020
สุดท้ายนอนอยู่ในเต็นท์ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำตลอดทั้งคืน นอนหลับไม่ลงจริงๆครับ เพราะเสียงลมที่พัดผ่านบริเวณนี้มันเหมือนเรานอนอยู่ท่ามกลางพายุในทะเล เสียงคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดชายฝั่งทำอารมณ์ค่อนข้างหวิวๆเล็กน้อยครับ.. สุดท้ายก็ต้องพยายามหลับให้ลง

ด่านที่ 7 ร่องรอยดึกดําบรรพ์
ตื่นมา 6 โมงเช้าฝนเริ่มซาลงแล้วครับ ถือว่าผมโชคดีมาก เพราะผมจะได้เดินขึ้นไปตรงป้ายห้วยทู่อีกสเต็บนึง ซึ่งเป็นจุดปลายทางของเส้นทางห้วยทู่… จากแคมป์ต้องเดินอีกประมาณ 15 นาทีครับ ก็จะผ่านจุดที่ผมถ่ายรูปได้เสมือนบรรยากาศดึกดำบรรพ์ สวยมากๆค้าบ

ในวีดีโอจะเห็นสายหมอกชัดเจนเลยครับ ถึงฝนจะหยุดตกแล้วแต่ความชื้นบริเวณนี้ยังคงสูงอยู่ ผมรู้สึกว่าเรากำลังอยู่ในเมฆเลย ฟิลตอนนี้คือดีย์มาก ดีกว่าเมื่อวานเพราะมองไม่เห็นอะไรเลยครับ … ตรงนี้มีทากคร้าบบแต่น้อยยย น้องในทริปเจอ 1 ตัวกำลังดูดเลือดอย่างบ้าคลั่งที่ข้อเท้า
ด่านที่ 8 ขึ้นเนินป้ายทู่
ก่อนขึ้นมาถึงเนินป้ายห้วยทู่ ต้องเดินขึ้นทางชันที่ลื่นมากๆอีกสเต็ปนึงครับ แต่เมื่อผ่านขึ้นมาแล้ว โอ้โหหห… แม่เจ้า ลมแรงอย่างกับเดินผ่านพายุฝนเฮอริเคน ลมแรงมากกกกกกกๆตัวเกือบปลิว ให้ฟิลเหมือนไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย ถือว่าจุดนี้เป็นจุดที่ต้องมาถ่ายรูปเพื่อปิดทริปดอยห้วยทู่อย่างสมบูรณ์แบบครับ


ถ้าใครยังไม่ได้อารมณ์ที่ผมเล่ามาข้างต้น สามารถเข้าไปชม VLOG ของผมได้ที่ Youtube นะคร้าบ ยังไงฝากตกติดตามและฝากวีดีโอท่องเที่ยวตัวอื่นๆของผมด้วยนะคร้าบ…สุดท้ายอยากฝากเพื่อนๆนักเดินทางนิดนึง “ ขยะทั้งหลายที่เราขนขึ้นไปได้ เมื่อมันหมดประโยชน์แล้ว ควรนำลงมาข้างล่างด้วยนะครับ” ไม่อยากพูดเยอะเพราะมันคือสามัญสำนึกครับ :)

สรุปมาดอยทู่เที่ยวนี้ก็ไม่ได้เห็นวิวอะไรนอกจากสายหมอกและลมแรงๆครับ ก็นั่นนะแหละครับ มาเที่ยวแบบนี้หน้าฝนจะเห็นอะไร แต่ก็ประทับใจทุกอย่างระหว่างทาง เพราะเรื่องเล่าส่วนใหญ่ก็จะถูกเก็บเกี่ยวระหว่างทางนี่แหละครับ… บ๊ายบายยยยยคร้าบบบบ

ปล. ขากลับผมแบกกลับลงมาถึง 15 กิโล จากขยะและเสื้อผ้าที่ชื้นด้วย.. ทำให้ขาลงเล่นเอาหลังแข็งเลยทีเดียว แต่ก็ใช้เวลาเร็วกว่าขาขึ้นประมาณ 30 นาทีครับ เพราะทางลงทำเวลาได้ดีกว่า… แต่ก็ต้องระวังกว่าเพราะทางลื่นมาก

สถานที่ : ดอยห้วยทู่ จ.ตาก มีความสูง 1,384 เมตร จากระดับน้ำทะเล
อุปกรณ์ที่ใช้ : GoPro
วันที่ถ่ายทำ : สิงหาคม ช่วงฤดูฝน
The Weekend
ตอน เดินป่ามันส์ๆ ขึ้นดอยห้วยทู่ช่วงหน้าฝน ยืนต้านพายุหมอกตัวแทบปลิว เหมือนไปด้วยกัน

สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่ารถจากกรุงเทพ-ตาก = เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
- ค่าทริปจ่ายที่คุ้มป๋าต๋อง = คนละ 300 บาท (รวมค่าข้าว 3 มื้อ มือเช้า, กลางวัน และมื้อเที่ยงบุฟเฟ่ของวันกลับ)
ติดต่อคุ้มป๋าต๋องได้ที่เบอร์ 093 816 2949
หรือที่ facebook คุ้มป๋าต๋อง - ค่ารถกระบะ 4W = กรุ๊ปละ 1,500 บาท
- ค่าไกด์นำทาง = กรุ๊ปละ 1,200 บาท (ถ้าไปน้อยหาเพื่อนกรุ๊ปอื่นช่วยแชร์)
- ค่าลูกหาบ = 1,200 บาท/ 20 กก. (ผมไม่เสียเพราะแบกเอง)
- ค่าเข้าสถานที่ = คนละ 20 บาท (จ่ายที่หมู่บ้าน)
“ไม่มีทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบฉันใด ก็ไม่มีประสบการณ์ใดๆได้มาง่ายดายฉันนั้น”


กดติดตามผมที่ Facebook เพราะมีคอนเทนต์อื่นๆอีกเพียบ itubb.net
Facebook facebook.com/itubb
และรับรีวิวอัพเดทจากบล็อกเกอร์ได้ทาง LINE Official Account
กดแอดเลย
