รีวิวทริปภูกระดึงบล็อกนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวบนภูกระดึงเหมือนได้ตามไปด้วยกันทุกฝีก้าวเลยครับ ตั้งแต่เรื่องการเดินทางจากกรุงเทพ ค่าใช้จ่าย การเข้าอุทยานภูกระดึง การเตรียมตัวเดินขึ้นเขา ระยะทางต่างๆ ที่เที่ยวบนภูกระดึง อาหารการกินบนภูกระดึง และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว.. เดินทางไปเที่ยวภูกระดึงไปพร้อมผมได้เลยครับ

วันที่ 1 จากกรุงเทพ (เริ่มเดินทางช่วงเย็นๆ)
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพโดยรถยนต์ส่วนตัวกันครับ ขับรถจากกรุงเทพไปจังหวัดเลยโดยใช้เส้นทาง ถ.พหลโยธิน – ถ.มิตรภาพ เข้าเส้นทาง 201 อำเภอสีคิ้ว ผ่าน จ.ชัยภูมิครับ โดยที่เราเดินทางมาถึง อ.เมือง ชัยภูมิกันประมาณ 3 ทุ่ม เลยแวะข้างทางกินก๋วยเตี๋ยวเป็นมือค่ำกันก่อนจะเดินทางต่อ

เดินทางจาก ชัยภูมิ – บ้านผานกเค้า
จากตัวเมืองชัยภูมิ เราก็เดินทางต่อโดยเส้นทาง 201 เหมือนเดิม โดยผ่าน อ.ภูเขียว อ.ชุมแพ ถึง บ้านผานกเค้า อ.ภูกระดึง เวลาประมาณ 5 ทุ่ม 15 โดยเส้นทางนี้กลางคืนค่อนข้างมืดเพราะมีไฟถนนเป็นบางช่วงเท่านั้น และปริมาณรถก็ขับทิ้งห่างกันพอสมควร จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขัยรถกันพอสมควรครับ

หาที่พัก 1 คืนที่บ้านผานกเค้า
ผมไม่ได้หาที่พักไว้ก่อนเพราะมากันวันธรรมดาคร้าบ ก็เลยหาที่พักกันตามป้ายข้างทางและลองเข้าไปดู ก็เลยได้ห้องพักเป็นรีสอร์ทเล็กๆชื่อ ผานกเค้า เดอเลย รีสอร์ท ที่ราคา 800.- พักได้ 3 คนพอดีครับ โดยรวมก็สะอาด ไม่แพง และมีที่จอดรถสะดวกดี (แต่ราคานี้ไม่มีมื้อเช้าให้คร้าบ)

เช้าวันที่ 2 บ้านผานกเค้า-ทางเข้าภูกระดึง
ผมตื่นกันเช้ามากเพื่อเตรียมตัวไปทำเรื่องใดๆ ที่ทำการอุทยานภูกระดึงกันครับ จากผานกเค้าขับรถต่อไปที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเพียง 10 นาทีเท่านั้น เราจะเจอด่านแรกระหว่างทางที่ต้องจ่ายค่ารถและค่าเข้า (ค่ารถ 4 ล้อคันละ 30 บาท และค่าเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึงคนไทย คนละ 40 บาท (ต่างชาติ 400.-)

ที่ทางเข้าอุทยานตรงจุดนี้เราต้องชำระด้วยเครื่องชำระอัตโนมัติ แต่ไม่มีจ่ายด้วย QR ซึ่งต้องใช้เงินสดในการชำระที่ตู้เท่านั้นครับ ใครขับรถมาสามารถขับเลยทางเข้าไปอีก จอดรถริมถนนแล้วเดินกลับมาจ่ายค่าเข้าได้เลย (เตรียมเงินสด และเก็บตั๋วไว้ด้วยน้า เพราะรวมทุกคนใน 1 ใบ)

ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
จากทางเข้าอุทยานฯ ขับต่อมาอีกนิดเดียวเพื่อมาที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึงครับ จุดนี้เราสามารถจอดรถที่ลานจอดรถ (ฟรีก็ได้ หรือจะแบบเสียเงินด้านในก็มี) เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว ก็มาเช็คชื่อเช็คคิวที่จองไว้ผ่านแอปคิวคิว QueQ และตรวจเอกสารวัคซีนโควิดด้วยจ้า

จุดรับคิวลูกหาบ
เมื่อตรวจสอบคิวและเอกสารวัคซีนเสร็จแล้วเราจะได้รับบัตรคิวมาครับ นำบัตรเพื่อมาชำระค่าพื้นที่กางเต้นท์ 30 .- ต่อ 1 คน/1 คืน ผมมากัน 3 คน พัก 2 คน จึงเสียค่าพื้นที่กางเต้นท์อีก 180.-. จ่ายเงินเสร็จแล้วก็เดินเข้าพื้นที่ด้านในได้เลยคร้าบ จุดรับคิวลูกหาบจะอยู่ด้านในถัดเข้าไปในบริเวณทางขึ้นนะครับ

ค่าใช้บริการลูกหาบจะต้องเสียค่าบัตรคิว 5.- และ ก็ต้องชั่งกิโล.ๆละ 30.- ซึ่งค่าสัมภาระของผมส่วนใหญ่ก็จะเป็นเต้นท์ เสื้อผ้าและเครื่องนอน ชั่งน้ำหนักแล้วอยู่ที่ 11 กิโลกรัม ค่าลูกหาบ 330.- ตรงนี้เก็บบัตรไว้ และจ่ายค่าลูกหาบที่ด้านบนภูกระดึงตอนรับของคร้าบ

จุดเริ่มเดินขึ้นภูกระดึง
ที่ตรงทางเข้าของจุดเริ่มเดินเราจะต้องตรวจตั๋วและฉีกหางบัตรที่เราได้ทำการชำระค่าเข้าอุทยานมาคร้าบ ตรงจุดนี้มีป้ายเขียนเอาไว้ว่า ระยะทางเดินขึ้น 5,500 เมตร ใช้เวลาเดินโดยประมาณ 3-5 ชั่วโมง และห้ามเดินขึ้นหลังเวลา 13.00 หรือห้ามเดินขึ้นภูกระดึงหลังบ่ายโมง เพราะจะมืดและอันตรายมากครับ


เริ่มเดินขึ้นภูเวลา 8.45 น.
ตลอดระยะทางระหว่างการเดินขึ้นภูกระดึงจะมีที่พักเป็นระยะๆ ซึ่งเค้าจะเรียกว่า “ซำ” โดยมีซำต่างๆระหว่างทางให้เรานั่งพักทั้งหมด 8 ซำด้วยกับคร้าบ… จุดเริ่มเดินในช่วงแรกก่อนถึง “ซำแฮก” จะไม่ค่อยหนักหน่วงเท่าไหร่ เพราะทางยังไม่ชันมาก แต่ก็ทำให้เหนื่อยได้เหมือนกัน

ระหว่างทางที่ได้นั่งพักก็ได้พูดคุยกับคุณลุงลูกหาบถึงการหาบของขึ้นภูกระดึง ซึ่งเราก็ได้เคล็ดลับการเดินลงถ้าฝนตก.. ก็คือให้เดินตามตาน้ำไหลเพราะจะเหลือแต่ดินแข็งหน้าดินจะไม่ลื่น คนนึงเค้าแบกกันประมาณ 60-80 กิโลเลยทีเดียว!

เดินถึงซำแฮก 9.30 น.
จุดพักของผมจุดแรกก็คือที่ซำแฮกครับ ซำนี้จะมีร้านขายของชำ เครื่องดื่ม ขายอาหารขายของฝากค่อนข้างเยอะ ผมจึงแวะทานข้าวเติมพลังที่ซำนี้กันเลย (ตามสั่ง + น้ำ 1 ขวด = 100.บ) ซำนี้มีวิวถ่ายรูปแบบพาโนรามามุมกว้างงที่ระดับน้ำทะเล 543 เมตร

แวะพักตามซำต่างๆ ตลอดทาง
อย่างที่เราทราบกันว่าทางขึ้นภูกระดึงจะมีซำตามทาง ก็ต้องบอกกันตามตรงว่า ผมนั่งพักทุกซำเพื่อเอาแรงให้เดินได้ต่อไปได้อย่างไม่เหนื่อยมากนักครับ ราคาน้ำและเครื่องดื่ม ตามซำต่างๆ จะแพงขึ้นตามระยะทางนะคร้าบ น้ำอัดลม + น้ำแข็ง ก็ราวๆ 50 บาทเลยคร้าบ


จากซำแคร่ ถึงหลังแปร
ช่วงที่ชันและโหดที่สุดก็ต้องเป็นช่วงสุดท้ายที่มีความชันที่สุดตลอดเส้นทางครับ เราต้องเดินกันอย่างช้าๆ ค่อยๆไต่กันเรื่อยๆ เพราะมันชันในระดับ 45 – 60 องศาในบางช่วง ทักษะการปีนบันไดขั้นน้อยๆ ชันๆ ทดสอบกล้ามขากล้ามน่อง ได้ใช้แน่นอนตรงจุดนี้คร้าบ

บันไดคู่ ด่านสุดท้ายก่อนถึงหลังแปร
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเดินใกล้ถึงหลังแปรแล้วก็คือ “บันไดคู่สุดชัน” ที่บอกว่าเราเดินมาได้กิโลเมตรที่ 5 แล้วคร้าบ บันไดนี้จะพาดขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ ตรงจุดนี้ถ้าคนเยอะหน่อยก็จะติดขัดกันพอสมควรเพราะว่า “ลูกหาบ” เค้าจะเดินขึ้นช้าและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในจังหวะที่คนรอกันเยอะๆ ที่ต้องเดินขึ้น-ลง ทางเดียว




ถึงหลังแปร 13.10 น. ความสูง 1,288 เมตร จากระดับน้ำทะเล
จากซำแฮกเราก็เดินเรื่อยๆครับ พักบ้างตามซำต่างๆ ดื่มน้ำหวานบ้าง เข้าห้องน้ำบ้างอย่างที่บอกไปครับ.. ก็ถือว่าทางขึ้นภูกระดึงค่อนข้างสะดวกสบายเลยทีเดียว ผมใช้เวลาเดินขึ้นถึงหลังแปรประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถือว่ากลางๆ ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป
ตรงหลังแปรนี้เราจะได้สัมผัสฟิลล์ป่าสนกันแล้ว ! สภาพภูมิประเทศเปลี่ยนไปหลังจากที่เราเดินขึ้นมาถึงหลังแปรครับ ผมนั่งพักนั่งถ่ายรูปอยู่ตรงนี้ค่อนข้างนาน

จากหลังแปรถึงจุดกางเต้นท์ 3 กม.
จากหลังแปรเราจะต้องเดินต่อกันอีกประมาณ 3 กิโลเมตรนะครับ แต่จะเป็นทางราบที่สบายๆแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสบายซะทีเดียว เพราะถ้าอากาศร้อน แดดแรง เราก็จะเพลียกันมากเพราะว่า 2 ข้างทางไม่ค่อยมีร่มเงาของต้นไม้ให้บังแดดสักเท่าไหร่ แต่ถ้าอากาศดีๆ เราก็จะเดินกันได้สบายๆ

Landmark ต้นสนเดียวดาย บนภูกระดึง
ก็ระหว่างทางจากหลังแปรไปยังที่พักกางเต้นท์ของอุทยานบนภูกระดึง เราจะต้องเดินผ่าน “ต้นสนเดียวดาย” ต้นสนที่จัดว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ต้องถ่ายรูปอีกจุดนึงบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงคร้าบ

ไชโย ผมเดินถึงแล้ว “ศูนย์วังกวาง” หรือที่ทำการอุทยานบนภูกระดึง จุดกางเต้นท์จุดเดียวที่เราสามารถก่งเต้นท์ค้างแรมได้ สรุปการเดินทางจากจุดเริ่มต้นถึงลานกางเต้นท์บนภูกระดึง ผมใช้เวลาไปทั้งสิ้น 5 ชั่วโมง 45 นาที ที่เราเริ่มเดินกันตั้งแต่เวลา 8.45 ถึง 14.30 น.โดยประมาณครับ



ราคาเช่าเต้นท์และเครื่องนอนบนภูกระดึง
ลานกางเต้นท์ของอุทยานฯที่วังกวาง จะกว้างขวางมากครับ มีเต้นท์จัดสรรของอุทยานแห่งชาติที่เค้าจะกางไว้แล้วประมาณ 3 จุด ซึ่งค่าเช่าเต้นท์ 200 บาท มีให้เลือก 3 ขนาด (ควรทำการจองมาก่อนขึ้นภู) ค่าเช่าหมอน เช่าถุงนอน เช่าแผ่นรอง เช่าผ้าห่ม ก็จะอยู่ราวๆ 30-50 บาทต่อคืนครับ มาเช่าที่จุดทำการด้านบนได้เลย

ถ้าเอาเต้นท์มาเอง เลือกที่กางได้ตามสะดวก
ส่วนผมเองเอาเต้นท์ขึ้นมาเอง ก็สามารถเดินเลือกหาที่กางเต้นท์ได้ตามสะดวกเลยคร้าบ ของผมเปลี่ยนอยู่ 2 ที่เพราะไปเจอตัวดูด! หรือทาก ยั้วเยี้ยมาก.. ทำให้ต้องหาจุดกางเต้นท์ที่ไม่มีทากในบริเวณนั้น



ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงปลายฝนอยู่ ทำให้มีทากค่อนข้างเยอะ… หลานคนก็หนีทากโดยขึ้นไปกางเต้นท์กันที่ลานในร่มเอนกประสงค์กันครับ แต่ที่เล็งๆดูไม่มีที่ให้กางแล้ว จึงเดินไปซื้อปูนขาวที่ร้านขายของชำมาได้ราคาถุงละ 20 บาท เอามาโรยรอยๆเต้นท์เพื่อกันทากเข้าเต้นท์ได้ครับ

ลูกหาบจะถึงช้ากว่าเราประมาณ 1-2 ชั่วโมงนะครับ เพราะเค้าไม่ได้เดินขึ้นมาพร้อมเรา และเค้าเดินช้ากว่าเรามากๆ จึงทำให้ผมต้องไปรอเต้นท์ส่วนตัวที่มาพร้อมลูกหาบตรงลานเอนกประสงค์ใกล้ๆ กับจุดที่ทำการอุทยาน เมื่อเห็นเป้เดินทางของเราแล้วก็ยื่นตั๋ว และจ่ายเงินสดได้เลย
ผมได้สัมภาระจากลูกหาบประมาณ 16.15 น. ซึ่งในนี้ก็จะมีเต้นท์และของอาบน้ำ ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จึงต้องรออย่างเดียว


ห้องน้ำบนภูกระดึง
ห้องน้ำบนภูกระดึงจะกระจายอยู่ตามรอบๆลานกางเต้นท์ครับ เป็นทั้งห้องน้ำและจุดอาบน้ำด้วย ที่อาบน้ำเป็นแบบฝักบัวซึ่งน้ำเย็นยะเยือก! ถ้าหาจุดกาเต้นท์ที่ไกลห้องน้ำก็จะลำบากหน่อยเวลาโดนข้าศึกบุกครับ.. เดินไปบิดไปเผลอๆกลางทางแน่นอนเพราะมันไกลและกว้างนะ.. หรือห้องน้ำแบบเป็นตู้ๆก็จะมีบริเวณร้านอาหารเช่นกัน ซึ่งดีตรงที่มีน้ำให้ราดครับ








กดติดตามผมที่ Facebook เพราะมีคอนเทนต์อื่นๆอีกเพียบ itubb.net
Facebook facebook.com/itubb
และรับรีวิวอัพเดทจากบล็อกเกอร์ได้ทาง LINE Official Account
กดแอดเลย
