บล็อกนี้ผมจะพาทุกคนไปตะลุยเที่ยวกันที่ เกาะเชจูประเทศเกาหลีใต้ ด้วยตัวเองกันครับ ซึ่งเกาะนี้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามเป็นอย่างมาก เพราะเกาะเชจูเป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้ทัศนียภาพแต่ละแห่งน่าตื่นตาตื่นใจ สมกับเป็นมรดกโลกแห่งหนึ่ง ที่เราต้องไปเที่ยวให้ได้สักครั้งครับ

เที่ยวเกาหลีใต้ครั้งแรกหลังโควิด
จริงๆ เกาหลีใต้เป็นประเทศนึงที่ผมมาเที่ยวบ่อยมากครับ ส่วนตัวผมชอบอากาศ ชอบความใบไม้เปลี่ยนสี ชอบอาหารเกาหลี และชอบความผสมผสานของเทคโนโลยีทันสมัยกับวัฒนธรรมได้อย่างน่าหลงใหล ที่สำคัญคือเที่ยวคนเดียวง่าย การเดินทางก็สะดวก ค่าตั๋วและใช้จ่ายไม่แพง และก็ต้องกลับมาตามรอบซีรีส์นี่แหละ


เดินทางด้วยสายการบิน Korean Air
ผมเลือกเดินทางด้วยสายการบินโคเรียนแอร์ครับ เพราะเดินทางสะดวกที่สุวรรณภูมิ แล้วเวลาบินก็ดีด้วย แต่ช่วงเวลาที่ไป เป็นไฮซีซั่น ทำให้ราคาตั๋วค่อนข้างสูงไปนิด แต่ผมก็สู้ เพราะอยาก สัมผัสฟีลลิ่ง ของเกาหลีใต้ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง แต่คุ้มเวอร์ เพราะไม่เสียเพิ่มค่าโหลดกระเป๋า มีจอดูหนัง อาหารอร่อย และที่นั่งก็กว้างขวาง

ผมไปลงที่สนามบินอินชอนครับ นั่ง AREX แอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรสไปลงที่ Seoul Station เลย ที่เลือกเดินทางด้วยวิธีนี้ เพราะสะดวกมาก วิ่งผ่าน ทุกสถานีโดยไม่แวะ ทำให้ใช้เวลาเพียง 50 นาที ก็อยู่ในกรุงโซลแล้วครับ ราคาตั๋ว 8,000 วอน ประมาณ 200 กว่าบาท

ซึ่งตั๋วแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรสนี้ สามารถซื้อได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติได้เลย แต่ถ้าใครไม่รีบและกระเป๋าไม่เยอะ จะใช้บริการรถไฟฟ้าธรรมดาแบบจอดทุกสถานีก็ได้ครับ ซึ่งก็จะเจาะทั้งหมดประมาณ 10 สถานี แต่ราคาก็จะถูกกว่ากันเกือบครึ่งเลยทีเดียว

เดินทางไปยังเกาะเชจูด้วย JEJU Air
ผมมีเวลาเดินเที่ยวเล่น หาของกินอร่อยๆ ในโซลอยู่ หนึ่งคืนครับ แต่เช้าวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางไปยังสนามบินคิมโพ เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะเชจู สนามบินแห่งนี้อยู่ไม่ไกลตัวเมืองเท่าไหร่ ทำให้ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาสนามบินครับ

ซึ่งจริงๆ เราสามารถบินตรงจากสุวรรณภูมิไปลงเกาะเชจูได้เลย ที่ต้องไปลงที่โซลก่อน มีหลายสานการบินที่บินตรงจากกรุงเทพมาลงที่เชจูได้เลย แต่จะลงที่โซลหรือลงที่เชจู ก็ต้องทำการคัดกรองด้วยระบบ k-eta ก่อนเหมือนกันครับ

ท่องเที่ยวที่เกาะเชจูด้วยรถเช่า
ผมเลือกเช่ารถ ขับท่องเที่ยวบนเกาะ เพราะสะดวกกว่าเดินทางด้วยรถโดยสารเป็นอย่างมาก และที่เชจูก็ไม่มีรถไฟฟ้า การเช่ารถขับทำให้สามารถไปไหนต่อไหนได้อย่างอิสระ แต่ก็มีอุปสรรคเหมือนกันนะ เพราะต้องขับพวงมาลัยซ้าย ทำให้ไม่ชินเท่าไหร่


และการจำกัดความเร็ว ในการขับรถบนเกาะเชจู ค่อนข้างจริงจังมากๆ มีระบบตรวจจับความเร็วตลอดทาง ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ก็คือช่วงผ่านหน้าโรงเรียน ที่เราต้องขับไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งบางทีเราไม่รู้ว่าจุดไหนเป็นโรงเรียน และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพไปหน่อย ทำให้ผมโดนค่าปรับไป 2,000 กว่าบาท เลยทีเดียวครับ

การขับรถเที่ยวบนเกาะเชจู
เกาะเชจูเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ของประเทศเกาหลีใต้ครับ เกาะนี้มีใหญ่กว่าภูเก็ตประมาณ 3 เท่า ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะสวยๆ อยู่หลายที่ แต่การที่จะขับรถเที่ยวทั่วทั้งเกาะแบบสบายๆ อาจจะต้องใช้เวลา 3 วันบนเกาะครับ เพราะแต่ละที่ต้องขับรถประมาณ 1-2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

– ตะลอนเที่ยวเกาะเชจูวันที่ 1 –
ซองซาน อิลซุลบง (ยอดเขาซองซาน)
ที่เที่ยวแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คอันดับต้นๆบนเกาะเชจู เค้าว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดบนเกาะ จนได้ฉายาว่า Sunrise Peak ซึ่งก่อนที่จะถึงทางขึ้นยอดเขานี้ จะมีที่ถ่ายรูปริมชายหาด ที่ฉากหลังเป็นภูเขาซองซานซึ่งสวยงามมากๆ ใครไปเข้าซองซาน ห้ามลืมแวะถ่ายรูปตรงนี้เด็ดขาดครับ ผมแนะนำมาก


ผมเดินขึ้นเขาเพียง 30 นาที ก็ถึงยอดเขาครับ ด้านบนจะมีจุดให้นักท่องเที่ยว ได้ถ่ายรูป และสัมผัสกับบรรยากาศปากปล่องภูเขาไฟในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น แต่ก็ได้ทัศนียภาพที่สวยมากๆ บริเวณตีนเขาก็ มีร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และร้านขายส้ม ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะเชจู อยู่หลายร้านเลยครับ





ทางลงจะมีเส้นทางให้เราเดินลงไปชายหาดที่อยู่ด้านล่างครับ ถ้าเสิร์ชดูในแผนที่ตรงนี้จะชื่อว่า Umutgae Coast ผมชอบทัศนียภาพจากชายหาดฝั่งนี้ของเขาซองซานมากๆ ซึ่งตรงนี้จะมีเรือสปีดโบ๊ทพานักท่องเที่ยวไปชมทัศนียภาพรอบเขาซองซานกันด้วย และก็มีร้านอาหารทะเลที่มีอาจุงม่ามาแคะหอยขายกันสดๆเลย

หลังจากที่เต็มอิ่มกับเขาซอง ก็ต้องขับรถต่ออีกประมาณ 30 นาที เพื่อไปเช็คอินที่พัก และก็ขับรถออกมาหาของกินอร่อยๆ มื้อค่ำมื้อแรกบนเกาะเชจูครับ มื้อนี้ต้องพิเศษหน่อย เพราะจะตามหาร้านปิ้งย่างเกาหลีหมูดำขึ้นชื่อของเกาะเชจูเค้าครับ

หมูดำ ปิ้งย่าง (ห้ามพลาด) ต้องกินให้ได้!
ของกินที่ขึ้นชื่อที่สุดบนเกาะเชจูต้องยกให้ หมูดำปิ้งย่าง! เพราะหมูดำเป็นวัตถุดิบขึ้นชื่อของเกาะเชจู ซึ่งนับว่าเป็นหมูที่ดีที่สุดของเกาหลีใต้เลย เพราะฉะนั้นใครมาเที่ยวเกาะเชจู ต้องกินหมูดำให้ได้ครับ คนเกาหลีก็นิยมกินกัน บอกได้คำเดียวว่าละลายในปาก “อร่อยเหาะมาก”


ร้านหมูดำปิ้งย่างชิลดนกา (칠돈가) ผมเรียกว่าหมูดำเลข 7 เพราะโลโก้ร้านมีเลข 7 อยู่สังเกตง่ายๆ ร้านนี้มีสาขาอยู่ทั่วเกาะเชจูครับ โดยสาขาหลักจะอยู่ในตัวเมืองย่าน Yongdam 2-dong ใกล้กับสนามบิน เป็นปิ้งย่างที่ใช้ถ่าน เสิร์ฟเครื่องเคียงจัดเต็มและมีผักสดๆอย่างผักคอส ใบงา พริกใหญ่ เสิร์ฟเราแบบไม่อั้นด้วย สาขาที่ผมกินอยู่แถวท่าเรือ Pyoseon

ชิ้นเนื้อหมู (ไม่ใช่สีดำเหมือนที่ผมจินตนาการไว้) หนาๆใหญ่ๆ จะถูกย่างให้โดยพนักงานหรือ “ซาจังนิม” นะครับ เพราะการย่างหมูดำที่ชิ้นหนาใหญ่ จะต้องย่างด้วยคนชำนาญ ดังนั้นเราไม่ต้องย่างเอง รอกินอย่างเดียว~

ร้านนี้คนเยอะนะครับ ถ้าโชคดีคือได้โต๊ะเลย แต่มี่ก็ต้องลงคิวไว้ ระบบจองโต๊ะของเค้าค่อนข้างจะล้ำ คือเราต้องไปกดหน้าจอ เพื่อจองคิวที่จอรับจองในร้านก่อน แล้วก็ใส่เบอร์มือถือไว้ จะมีลิงก์เด้งเข้ามาให้ดูลำดับคิว ของผมรอโต๊ะประมาณ 30 นาที ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย

– ตะลอนเที่ยวเกาะเชจูวันที่ 2 –
คาเฟ่สุดชิคบนเกาะเชจู
เชจูเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคาเฟ่จริงๆครับ สำหรับคอคาเฟ่ Hopping กับคาเฟ่ล้ำๆ หลายสไตล์ บรรยากาศดีๆ เมนูเครื่องดื่มและเบอเกอรี่จัดเต็ม จะต้องชอบเมืองเชจูแน่นอน ช่วงสายของวันที่ 2 ผมเจอคาเฟ่ที่ชื่อ Orrrn ที่ติดทะเล กับสไตล์ Loft ปูนเปลือยกับกระจกใสเห็นทะเลที่ Vibe ดีมากๆ

ผมเลือกร้านนี้เพราะโลเคชั่นอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือที่ผมจะต้องไปขึ้นเรือครับ ทำให้ผมสามารถนั่งชิวๆ ถ่ายรูป ถ่าย VLOG เรื่อยๆ ได้นานตามที่ผมจะพอใจ คนเกาหลีก็นิยมนั่งคาเฟ่ ถ่ายรูป กินกาแฟไม่ต่างจากคนไทยครับ เผลอๆจะหนักกว่าคนไทยด้วยซ้ำเพราะเคยอ่านมาว่า คนเกาหลีเค้าดื่มกาแฟมากติดอันดับโลก


เกาะอูโด นั่งเรือ 45 นาทีจากเกาะเชจู (รวมรอเรือด้วย)
ผมนั่งเรือเฟอรี่จากท่าเรือซองไปเที่ยวเกาะอูโดครับ จะบอกว่าเกาะเล็กๆแห่งนี้สวยและมีความเป็นธรรมชาติของเกาะภูเขาไฟสูงมาก มีสภาพแวะล้อมบนเกาะที่สวยงามทั้งเกาะ น้ำใส และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะยังมีให้เห็นทั่วทั้งเกาะ เช่น กำแพงหิน สุสานหิน ชายหาดที่เต็มไปด้วยหินลาวาเป็นจำนวนมาก

บนเกาะมีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และรถไฟฟ้าขนาดเล็กให้เราได้เช่าครับ (แต่เหมือนชาวต่างชาติไม่สามารถเช่าได้ ต้องใช้ใบขับขี่เกาหลีเท่านั้น) ทำให้ผมต้องเดินทางบนเกาะด้วยรถบัสท่องเที่ยวบนเกาะ ซึ่งซื้อตั๋วเที่ยวเดียว แต่สามารถขึ้นรถบัสเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ได้แบบบุปเฟ่ต์


ที่ๆผมชอบมากๆ เป็นบริเวณจุด Check-in ที่มีชื่อว่า Black Sand Beach ครับ ตรงนี้เป็นทัศนียภาพที่เป็นหน้าผาสูงชันซึ่งสวยมาก เราสามารถเดินลงไปยังชาดหาดด้านล่าง และไปยังถ้ำ Dongangyeonggul ที่อยู่ด้านล่างใต้หน้าผาได้อีกด้วยครับ


ตรงบริเวณร้านอาหาร Black Sand Beach มีแนะนำร้านนึง อร่อยเหาะ เป็น จาจังเมียนสาหร่ายทะเล และ จำปงทะเล ถ้าได้มีโอกาสมาที่เกาะอูโด แนะนำให้ลองกินร้านนี้คร้าบ… แต่จะบอกว่า มาเที่ยวเกาะอูโด ที่เดียวก็น่าจะใช้เวลาเกือบ 1 วันเต็มๆ แล้วครับ ถ้าวางแผนดีๆ เที่ยวแบบหลวมๆ บนเกาะเล็กๆแห่งนี้ก็ได้ ส่วนตัวผมอยากมานอนพักที่เกาะนี้มาก





ซาซิมิ ปลาดิบสดๆ ที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส
ขากลับจากเกาะอูโดก็ค่อนข้างจำเกือบค่ำแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเย็นมื้อที่ 2 บนเกาะเชจูครับ มื้อนี้เลือกร้านอาหารทะเลสดๆ กันบ้าง โดยร้านที่ผมทานชื่อ ดามีจิน 다미진 แถวๆท่าเรือ Pyoseon เช่นกัน (วิวทะเลตอนกลางคืนจุดนี้ค่อนข้างสวย เพราะมีเรือประมงจอดเรียงรายเต็มไปหมด)

ร้านนี้เป็นร้านต้นตำรับที่ที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีและชาวเชจูด้วยครับ นอกจากนี้ร้านนี้ยังได้รับการรับรองจากสมาคมท่องเที่ยวเกาะเชจูอีกด้วย ซึ่งทำให้ร้านนี้คนจะแน่นตั้งแต่หัวค่ำ

การเสิร์ฟของเค้าจะมาเป็นคอร์สๆครับ ก็ตั้งแต่ของว่างรองท้องไปจนถึงเมนคอร์ส โดยเมนคอร์สจะมีทั้งปลาหมึกทะเล หอยเมลงภู่ กุ้ง ซาซิมิหอยสังข์ หอยเป๋าฮื้อ ปลาต่างๆ ซึ่งทุกอย่างสดมาก! ของทอดก็มีอย่างเทมปุระ ปลาซาบะย่าง ฯลฯ และที่ห้ามพลาดคือเบียร์เย็นๆ คร้าบ – สรุปมื้อนี้อิ่มเวอร์


– ตะลอนเที่ยวเกาะเชจูวันที่ 3 –
น้ำตกจองบัง (น้ำตกริมทะเล)
ส่วนตัวผมชอบทัศนียภาพของน้ำตกที่นี่มากๆครับ เพราะทิวทัศน์ของน้ำตกแห่งนี้มันอลังการมากๆ ทำให้น้ำตกแห่งนี้เป็นแลนด์ขึ้นชื่อที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะ ด้านล่างน้ำตกเป็นโขดหินสวย ถ้าจังหวะดีที่มีแสงตกกระทบสวยๆ เราจะเห็นรุ้งกินน้ำด้วย สวยเกินบรรยาย

ผมแนะนำให้ทุกคนมาที่น้ำตกจองบังให้ได้นะ เพราะเป็นน้ำตกแห่งเดียวในเอเซียที่เป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่ทะเลโดยตรงซึ่งหาชมได้ยากครับ รอบๆ ก็มีของกินอร่อยๆ อยู่หลายร้าน แหล่งท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ค่อนข้างสะดวกสบายครับ สะดวกมากๆ


โลเคชั่นของน้ำตกแห่งนี้ จะอยู่คนละฝั่งกับสนามบินเลยครับ (ฝั่งซอกวิโพ) ซึ่งถ้าใครจะขับรถ จากสนามบิน มาที่น้ำตกจองบังเลย อาจจะต้องวางแผนเรื่องการขับรถดีๆครับ เพราะจะต้องขับลัดเลาะไหล่เขาฮาลาซานที่มีความสูงที่สุดของเกาะเชจู ซึ่งคดเคี้ยวและชันพอสมควรครับ

อ๋อ- วัตถุดิบขึ้นชื่ออีกอย่างนึงบนเกาะเชจูก็คือ เนื้อม้า!
จบมื้อเที่ยงที่ร้านบะหมี่ทะเล (อร่อยมากกกก) ที่อยู่ติดกับกับน้ำตกจองบัง มีเมนูซุซิเนื้อม้าดิบขายด้วย ใช่ครับ… อ่านไม่ผิด เนื้อม้าดิบ! เอาจริงๆ แค่เห็นก็แทบสำลักแล้ว แต่ไหนๆก็มาแล้วต้องฝืนลองกินสักหน่อยให้มันรู้แล้วรู้รอดว่ากันไปเลย…. สรุปไม่ไหวค้าบ

พิพิธภัณฑ์ไร่ชาโอซุลล็อค
ไร่ชาที่มีชื่อที่สุดบนเกาะเชจูต้องยกให้ไร่ชาโอซูลล็อคครับ ที่เกาะเชจูมีสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกชาเป็นอย่างมาก ทำให้ได้ผลผลิตเป็นใบชาชั้นยอด.. แวะมาที่นี่ก็ต้องห้ามพลาดร้านเครื่องสำอางแบรนด์ดังของเกาหลี รวมถึงของกินอร่อยๆ ที่เกี่ยวกับชาด้วยนะครับ

แต่ผมแอบเสียดายนิดหน่อย เพราะช่วงที่ผมไปในส่วนของพิพิธภัณฑ์กำลังปิดปรุง เลยอดเข้าชมในส่วนนี้ไป แต่ก็ได้ของฝากของใช้ส่วนตัวจากที่นี่เยอะครับ เพราะครีมและเครื่องสำอางต่างๆ ราคาถูกกว่าที่ไทยเกือบครึ่ง และบางชิ้นก็ลดราคา แถมได้คืนภาษี ณ ที่จ่ายอีกด้วย เลิศๆ


สวนส้มฮัลลาบง
และกิจกรรมอีกอย่างที่ ห้ามพลาด! บนเกาะเชจูก็คือ การไปเก็บส้มและถ่ายรูปในสวนส้มครับ แต่ช่วงเวลาที่ผมไปคือพลาดไปนิด เพราะส้มในสวนถูกเก็บเรียบ! ทำให้อดได้รูปในสวนส้มสวยๆเหมือนคนอื่นเค้า- แต่ ข้างทางยังพอมีต้นส้มให้เราได้จอดรถถ่ายอยู่บ้าง รออะไรละ

เพราะระหว่างทางที่ผมขับรถก็จะเห็นต้นส้มประปรายตามทางในบางช่วงด้วยครับ หลังจากที่อกหักจากสวนส้ม ก็เลยต้องย้อนมาถ่ายรูปกับส้มฮัลลาบงริมถนน ซึ่งก็เกือบจะถ่ายไม่ทัน เพราะแสงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว – ดังนั้นใครผ่านต้นส้มริมถนนสวยๆ ก็แวะถ่ายเผื่อฉุกเฉินเอาไว้ก่อนคร้าบ


ไฟล์จากเกาะเชจูกลับมายังโซลตอน 3 ทุ่ม ยังมีเวลาขับรถกลับมาที่สนามบินเชจู 3 ชั่วโมง ซึ่งก็ต้องเอารถมาคืนที่รถเช่า Lotte และหาอะไรอร่อยๆ ทานที่สนามบินเลยครับ

Check-in เที่ยวต่อในโซล
หลังจากกลับมาจากเกาะเชจู ผมมีเวลาเที่ยวต่อในโซลอีก 2 วันครับ ดังนั้นครั้งนี้ผมก็ตามเก็บโลเคชั่นสุดปังที่ยังไม่เคยมาให้หมด ไม่ว่าจะเป็น Starfield Library, Ewha University, ร้านคาเฟ่ดังจากอินฟูฯเกาหลี, ตามหาทักคัลบีสุดโปรด, เนื้อแกะย่าง ฯลฯ


1-Stop-Service ที่ SEOUL STATION
ความสะดวกสบายอีกอย่างนึงของการเดินทางด้วย Korean Air ก็คือ เราสามารถ Check-in โหลดกระเป๋า และ ทำเรื่อง ต.ม. ขาออก ที่สถานี Seoul Station ได้เลย! ซึ่งสะดวกสบาย และประหยัดเวลาที่สนามบินไปเยอะมากครับ เพราะเราไม่ต้องไปต่อแถวกับคนเยอะๆ ที่สนามบินอินซอน ทุกขั้นตอนคือ Fast Track มีช่องทางพิเศษที่สนามบินอินชอน ทำให้มีเวลาเดินช้อปปิ้งที่ Duty Free ด้านในอย่างสบายยยยยย-

สรุปว่าผมมาเก็บโลเคชั่นที่เกาะเชจูเรียบร้อย ใครอยากตามมาเที่ยวเชจูเผื่อเวลามาสัก 3-4 วันนะครับ วางแผนการท่องเที่ยวดีๆ เพราะถ้ามาเที่ยวเชจูด้วยตัวเองจะต้องเช่ารถครับ การจองและเอกสารจะยุ่งยากหน่อย.. แต่คุ้ม!
ท้ายนี้ฝากติดตามการท่องเที่ยวเกาะเชจูของผมที่ช่องยูทูปด้วยนะคร้าบ เพราะในบล็อกใส่รายละเอียดได้แค่บางส่วน และไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้เหมือนการเล่าผ่านวีดีโอคร้าบ –
กดติดตามผมที่ Facebook เพราะมีคอนเทนต์อื่นๆอีกเพียบ itubb.net
Facebook facebook.com/itubb
และรับรีวิวอัพเดทจากบล็อกเกอร์ได้ทาง LINE Official Account
กดแอดเลย
