หลังจากผ่านมา 6 เดือนที่ผมฝึก(และฝืน) การออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ใช่เพื่ออยากจะได้กล้ามโตบึกบึน แต่เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น รูปร่างกระชับสมส่วน และที่สำคัญคือ ถอดเสื้อถ่ายรูปบนชายหาด เผยความ sexy อวดเพื่อนในเฟซบุ๊คได้! นี้แหละคือ Passion ที่ผมใช้ในการมาออกกำลังกาย ถึงตอนนี้ก็เป็นที่น่าพอใจสำหรับผมแล้ว เพราะแต่ก่อน ขี้ก้างพุงโลมากคับ !

ถึงจะได้แค่นี้ก็เถอะครับ ตลอด 6 เดือนมานี้ ผมไปยิมและฝึกกับเทรนเนอร์ส่วนตัวมาโดยตลอด (แพงไหม? ก็แพง ไม่ถูก… แต่มันก็โอเคกว่าจริงๆ ผมใช้วิธีตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยส่วนอื่น มาจ่ายค่าเทรนเนอร์) ผมมองว่าเค้าคือ ตัวช่วย ที่จะทำให้เราได้ผลลัพท์ที่ตั้งใจไว้ ดีกว่าทำแบบผิดๆไปเรื่อยๆเสี่ยเวลาไปเปล่าๆ ผมต้องเก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านี้ให้ได้ และนี้คือ Mind Set ที่เปลี่ยนไป (ที่ถูกต้อง) ของผมหลังจากที่มีเทรนเนอร์ส่วนตัว เพราะมันจัดแบบไม่เกรงใจผมเลย !

1.ท่า สำคัญสุดๆ

ทีแรกผมเข้าใจว่าแค่ยกๆดึงๆดันๆ เอาให้เหงือออกเป็นพอแค่นั้นจบ… จบที่ไหนกัน “ท่า” มันต้องถูกด้วย วันที่ไปผมเล่นเวทเอง กับวันที่มีเทรนเนอร์ส่วนตัวมาสอนนั้น ได้ผลลัพท์ที่ต่างกันค่อนข้างมากเชียวคับ สำหรับคนที่เริ่มหันมาเล่นเวทอย่างผม ท่าที่ถูกต้องมันยากมาก มันมีทั้งเรื่อง องศา ระดับ จังหว่ะ การฟิล ไม่ว่าจะเล่นจาก แมชชีน, ดัมเบล หรือ ฟรีเวท ล้วนต้องใช้ “ท่าที่ถูกต้อง” เพื่อให้กล้ามเนื้อ “ทำงานได้ถูกที่” ถึงจะได้ผลตรงจุดครับ และคนที่จะบอกเราว่าเล่นแบบนี้ต้องจัดท่าแบบไหนคือเทรนเนอร์ส่วนตัวนี้แหละ ผมจัดท่าไม่ตรง องศาไม่ได้ ดึงไม่สุด ไม่ยอมนับให้! โหดไหมละ

2. น้ำหนัก สำคัญมากเช่นกัน

ยกเบาๆ เท่ากันตลอด ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่คับ… เพราะน้ำหนักกับการเวทเป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน ช่วงแรกๆที่พึ่งหันมาเล่นเวท ผมเล่นหลัง/อก ได้ประมาณ 30 โลเท่านั้น… เทรนเนอร์เค้าก็จะมีวิธี ใส่เพิ่ม-ถอดออก หรือ ใส่เพิ่มๆๆ ในทุกๆเซ็ต บางทีผมทนกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว จนต้องบ่นว่า ใส่เพิ่มทำไมเนี่ยยยย พร้อมโอดครวญว่า พอแล้ว ให้ทายว่าเค้าฟังผมหรือเปล่า TT… ผมก็จะจำไว้ว่าเครื่องนี้ เริ่มเท่าไหร่ในเซ็ตแรก ใส่เท่าไหร่ในเซ็ตสอง-สาม แล้วก็มาฝึกเรื่องน้ำหนักเองครับ… แต่เชื่อไหม เวลาเล่นเองคนเดียว เอาน้ำหนักเดียวตลอด แถมพักนานด้วย ><

3. เวลา สำคัญไม่แพ้กัน

ปกติถ้ามีเทรนเนอร์ผมจะใช้เวลาประมาณ 60 นาทีรวมวอร์มอัพและคูลดาวน์ ก็ทำเอาผมล้าาาไปทั้งตัวแล้วคับ ไม่มีเรี่ยวแรงเล่นต่อแล้วเพราะผมโดนรีดแรงออกจากตัวไปจากท่าที่ถูกและน้ำหนักที่ผมรับไม่ได้! …และได้พักน้อย ! ถ้าเล่นเองผมจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เพราะ “เวลา” ช่วงการพักในแต่ละเซ็ตและระหว่างท่าเล่นก็คำคัญไม่แพ้กันคับ ช่วงแรกๆ ผมเล่นเองจะแอบพักนานนนนน จาก Facebook และ Youtube ไม่มีคนสะกิด มันเลยไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ มันจะเป็น cardio มากกว่า weight training คับ เพราะฉนั้น “อย่าพักนาน” คับ 60 วินาทีก็พอ !

4. วอร์มอัพ / คูลดาวน์ ก็สำคัญ

ก่อนเวทและหลังเล่นทุกครั้งต้องมีการ วอร์มอัพ และ คูลดาวน์ด้วยนะครับ ปกติผมใช้เวลา 10 นาที “วิ่งเบาๆก่อนนิดนึง”เพื่อให้หัวใจมันทำงาน และยืดเส้นยืดสายก่อนเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื่อ เพราะเรากำลังจะไปเจอศึกหนักคับ ! หลังจาก เล่นเสร็จ กล้ามเนื้อโดยเฉพาะส่วนที่เราเล่น จะตึงๆๆ สิ่งที่ต้องทำต้องยืดเส้นยืดสายอีกทีจากการคูลดาวน์ เช่น ยกเบาๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องระบมหนักไปมากกว่านี้คับ… เทรนเนอร์ผมฝากบอกมา

5. อาหารการกิน สำคัญมากจริงๆ

โอยยยย… ข้อนี้ยากสุดๆ ผมยอมรับเลยว่าผมไม่ใช่สายคลีนฟู๊ดกู๊ดเฮล แต่ผมเลือกกินคับ ! ต้องเลือกกินของที่มีประโยชน์ด้วย โดยเฉพาะโปรตีน ต้องมี! ที่ต้องเรื่องมากเรื่องกินเพราะต้องไม่ให้ความพยายามมันสูญเปล่า….ผมจะมี health day และ cheeze day (cheeze day ของผมเยอะ แต่ที่เลิกได้เลยคือ “น้ำอัดลม” แต่ถามว่าอยากกินไหม อยากบ้าง และกินบ้างนิดๆหน่อยๆครับ แต่ไม่ติด น้ำเปล่าดีที่สุด ส่วนน้ำสมุนไพรมีน้ำตาลเยอะทั้งนั้น เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ.. ผมจะมีไข่ต้มวันละ 2 ฟองตอนเช้าทุกวัน กินกล้วยหอมหลังเล่นประมาณนี้

6. การนอนและการพักผ่อน สำคัญที่สุด

สุดท้ายๆ ข้อนี้สำคัญจริงๆนะ เพราะถ้าเราเล่นมาหนักๆ และพักผ่อนไม่ดีเพียงพอ จะทำให้ร่ายกายเราไม่สามารถซ่อมแซมในส่วนที่เราบาดเจ็บจากการเล่นเวทได้ ทำให้เจ็บนาน ระบมนานหลังจากการเล่น หรือไม่เราก็จะไม่มีเรี่ยวแรงในการเล่นครับ ทำให้เพลียง่ายเวลาเล่นเวทด้วย… ผมจะนอนไม่เกิน 22.30 เพื่อให้ โกรทฮอร์โมน ทำงานด้วย ผมก็จะหน้าเด็กหน้าตึงด้วย โดยที่ไม่ต้องพึ่งโบท็อกซ์ อิอิ

“ลดแอลกอฮอล์”

สรุปง่ายๆ ว่า สำคัญหมดนั้นแหละคับ คำว่า “ไม่มีเวลา” ใช้ไม่ได้สำหรับสุขภาพของเราครับ ผมได้ยินหลายคนบ่นว่างานเยอะบ้าง ไม่มีเวลาบ้าง แล้วก็บ่นว่า อ้วน ผมมองว่า… มันคือเรื่องวินัยและขาดการบริหารเวลาที่ดีมากกว่าครับ